1. ปัญหา "รอยด่าง" และ "คราบน้ำ"

บางครั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ตั้งอยู่ใกล้กับหน้าต่างทำให้อาจเจอ "คราบน้ำ" ที่เกิดจากละอองฝนกระเด็นมาโดนจนเป็นด่างเป็นดวง
สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ เพียงใช้ผ้าสะอาดป้ายมายองเนสเล็กน้อย แล้วเช็ดบริเวณนั้น ๆ คราบก็จะค่อย ๆ จางหายไป
และถ้าหากบ้านใครมีสัตว์เลี้ยงที่ชอบตะกุยเฟอร์นิเจอร์ ก็จะทำให้มี "รอยขีดข่วน" ซึ่งสามารถใช้ยาขัดรองเท้า
ที่มีสีใกล้เคียงกับเนื้อไม้มาทาปิดรอยแล้วตามด้วยขี้ผึ้ง แค่นี้ก็หมดปัญหาเรื่องความรำคาญใจได้แล้วค่ะ

2. "ปลวก" และ "มอด" ตัวการทำลายไม้

มีไม้อยู่ที่ไหนก็จะเจอ "ปลวก" และ "มอด" ที่นั่นแน่นอน วิธีการกำจัดที่ง่ายที่สุดก็คือการลงน้ำยาหรือฉีดพ่นน้ำยาสำหรับฆ่าแมลงก่อนการทาสีไม้
แต่ถ้าหากเฟอร์นิเจอร์นั้นประกอบมาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถทาน้ำยารักษาเนื้อไม้ได้เช่นกัน ซึ่งจะมีคุณสมบัติไม่ต่างจากยาฆ่าแมลง
ทับลงเฟอร์นิเจอร์จากนั้นจึงนำไปผึ่งแดดให้แห้ง แค่นี้ก็หมดปัญหาปลวกและมอดมากวนใจได้แล้ว

3. การ "ขัดสีไม้"

ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยที่มีความแปรปรวนไม่แน่นอน ทำให้เฟอร์นิเจอร์ไม้บางชนิดเกิด "การหดตัว" หรือเกิด "การบิด"
จนทำให้สีลอกออกมา ซึ่งสามารถดูแลได้ด้วยการขัดสีส่วนที่ลอกออกให้ถึงเนื้อไม้ จากนั้นก็ขัดผิวโดยรอบให้เรียบ แล้วลงสีใหม่ประมาณ 2-3 ครั้ง
ซึ่งแต่ละครั้งต้องห่างกันอย่างน้อย 6 ชั่วโมง จึงจะสามารถคืนความสวยให้กับไม้ได้อีกครั้ง

สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการทาสีน้ำมันสำหรับไม้โดยเฉพาะ โดยทาลงบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ได้มีการทำความสะอาดและเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นรอให้แห้งก็สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้วค่ะ

5. ลด "ความชื้น" ด้วยการ "ระบายอากาศ"

อากาศภายในบ้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เฟอร์นิเจอร์ไม้มีโอกาสเสียหายได้ เนื่องมาจากความอับชื้นที่แฝงตัวอยู่ภายในบริเวณบ้าน
เพราะฉะนั้นจึงควรมีการระบายอากาศภายในบ้านด้วยการเปิดพัดลม หรือเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ให้อากาศถ่ายเทได้มากที่สุด
ซึ่งจะทำให้เนื้อไม้มีความคงสภาพเป็นปกติด้วย

**ใครที่กำลังกังวลใจอยู่ว่า หากซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้มาแล้วจะดูแลได้ไม่ดีเลิกกังวลในข้อนี้ไปได้เลยค่ะ
หากนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ในการดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้ของคุณ นอกจากจะทำให้ไม้อยู่คงสภาพแล้วยังทำให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ดูเหมือนใหม่
และยังช่วยให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้นอีกด้วย**